กล่องกระดาษลูกฟูกสำคัญอย่างไร?
กล่องกระดาษลูกฟูก นิยมใช้ในอุตสาหกรรมทุกประเภท เนื่องจากมีความแข็งแรง สามารถปกป้องสินค้าได้ดี สวยงาม มีราคาถูกกว่าบรรจุภัณฑ์อื่น นอกจากนี้การออกแบบทึ่ดียังสามารถเพิ่มภาพลักษณ์ให้สินค้าได้อีกด้วย
กล่องกระดาษลูกฟูก เป็นบรรจุภัณฑ์ประเภทกล่องกระดาษที่มีคุณลักษณะแข็งแรงมาก นิยมใช้ในการขนส่งสินค้า เพราะนอกจากช่วยป้องกันสินค้าให้ปลอดภัยแล้ว ยังสามารถออกแบบได้ตาม ความต้องการ ทั้งขนาด รูปลักษณะและพิมพ์สอดสีได้สวยงาม ในการใช้งานเราจะทำเป็นกล่องกระดาษลูกฟูก 2 ชั้น, 3 ชั้น และ กล่องกระดาษลูกฟูก 5 ชั้น สามารถทำเป็นกล่องไดคัท และสามารถทำกล่องกระดาษลูกฟูก พิมพ์แบบออฟเซ็ท เพื่อให้ตัวกล่องมีความแข็งแรงพิเศษและได้งานพิมพ์ที่มีความสวยงามได้อีกด้วย
กล่องกระดาษลูกฟูก จัดได้ว่าเป็นบรรจุภัณฑ์ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันและเป็นบรรจุภัณฑ์ที่นิยมใช้กันมาอย่างยาวนานแล้ว เรียกได้ว่าเกิดมาก็เห็นบรรจุภัณฑ์ที่เป็นกล่องกระดาษลูกฟูกอยู่เต็มไปหมด หลากหลายขนาด หลากหลายรูปแบบ หลากหลายสีสัน แถมยังเป็นบรรจุภัณฑ์ที่แข็งแรงและราคาไม่สูงเหมาะสำหรับการบรรจุสินค้าเป็นอย่างยิ่ง แต่หากจะย้อนกลับไปถึงประวัติความเป็นมาของกล่องกระดาษลูกฟูกแล้วก็คงต้องย้อนกันไปเกือบ 2 ทศวรรษ กันเลยทีเดียว โดยจากตรงนี้จะเห็นได้ว่ากล่องกระดาษลูกฟูกนั้นมีความเป็นมาที่ยาวนานมากและต้องยอมรับจริงๆ ว่าผู้ที่ทำการคิดค้นขึ้นมานั้นมีแนวความคิดที่น่าสนใจและเป็นแนวความคิดที่เป็นคุณประโยชน์สำหรับคนรุ่นหลังเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ด้วยคุณสมบัติของกล่องกระดาษลูกฟูกที่ใช้วัสดุกระดาษที่ผลิตออกมาเป็นกระดาษลูกฟูกที่มีลักษระเป็นลอนภายในที่ช่วยป้องกันการกระแทกและสามารถออกแบบดีไซน์ในแบบต่างๆ เพื่อให้เหมาะต่อความต้องการที่จะใช้งานง่ายอีกทั้งกล่องกระดาษลูกฟูกนั้นยังมีราคาไม่สูงอีกด้วยอีกทั้งเทคโนโลยีการผลิตกล่องกระดาษลูกฟูกในปัจจุบันที่ช่วยให้กล่องกระดาษลูกฟูกมีลวดลายและรูปแบบที่หลากหลายและมากขึ้นเพื่อปรับให้เหมาะกับความต้องการใช้งานประเภทต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
กล่องกระดาษลูกฟูก นั้นมีความทนทานต่อการจัดเก็บสินค้าและขนส่ง โดยผลิตภัณฑ์ที่บรรจุภัณฑ์อยู่ในกระดาษลูกฟูกนั้นจะได้รับการป้องกันจากแรงกดทั้งด้านบนด้านข้าง มีความต้านทานต่อแรงดันทะลุซึ่งและกล่องกระดาษลูกฟูกนั้นสามารถมาเรียงซ้อนกันได้เป็นจำนวนมากซึ่งเหมาะสำหรับการขนส่งสินค้าในปริมาณมากที่ต้องทำการจัดเรียงซ้อนต่อกันหลายชั้น กล่องกระดาษลูกฟูกมีคุณสมบัติที่แข็งแรงทนทานสามารถปกป้องกันสินค้าไม่ให้เกิดความเสียหาย อีกทั้งยังมีน้ำหนักเบา และสะดวกในการเคลื่อนย้าย รูปทรงที่จัดวางง่ายที่ทำให้เรียงรวมกันได้อย่างสะดวก กระดาษลูกฟูก 2 ชั้น ประกอบไปด้วย กระดาษแผ่นเรียบ 1 แผ่น ปะกบกับลอนลูกฟูก 1 แผ่น นิยมใช้กันกระแทกสินค้า หรือ ปะกล่องออฟเซ็ท กระดาษลูกฟูก 3 ชั้น ประกอบไปด้วย กระดาษแผ่นเรียบ 2 แผ่น ปะกบกับ ลอนลูกฟูก 1 แผ่น โดยลอนลูกฟูก จะอยู่ตรงกลางระหว่าง กระดาษแผ่นเรียบทั้ง 2 แผ่น กระดาษลูกฟูก 5 ชั้น ประกอบไปด้วย กระดาษแผ่นเรียบ 3 แผ่น ปะกบกับ ลอนลูกฟูก 2 แผ่น โดยกระดาษลอนลูกฟูกที่อยู่ติดกับผิวกล่องด้านนอก
กระดาษลูกฟูก 2 ชั้น ประกอบไปด้วย กระดาษแผ่นเรียบ 1 แผ่น ปะกบกับลอนลูกฟูก 1 แผ่น นิยมใช้กันกระแทกสินค้า หรือ ปะกล่องออฟเซ็ท |
||
Ledger |
กระดาษลูกฟูก 2 ชั้น
ประกอบไปด้วย กระดาษแผ่นเรียบ 1 แผ่น ปะกบกับลอนลูกฟูก 1 แผ่น นิยมใช้กันกระแทกสินค้า หรือ ปะกล่องออฟเซ็ท
กล่องกระดาษลูกฟูกเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะกล่องกระดาษลูกฟูกผลิตจากกระดาษที่สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้และในปัจจุบันมากกว่า 70% ของกล่องกระดาษลูกฟูกนั้นผลิตมาจากกระดาษรีไซจึงส่งผลให้ราคากล่องกระดาษลูกฟูกนั้นราคาไม่สูงซึ่งเป็นการประหยัดต้นทุนต่อธุรกิจที่จำเป็นต้องส่งสินค้าโดยการเลือกใช้กล่องกระดาษลูกฟูกได้เป็นอย่างดีและด้วยความที่กล่องกระ
ดาษลูกฟูกนั้นใช้วัสดุในการผลิตที่เป็นกระดาษจึงส่งผลให้การผลิตกล่องกระดาษลูกฟูกสามารถผลิตออกมาได้ค่อนข้างตรงกับแบบรูปทรงต่างๆ เพราะวัตถุดับที่เป็นกระดาษนั้นเองทำให้กล่องกระดาษลูกฟูกสามารถ ตัด ดัด พับ งอ ได้ตามต้องการ ปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตกล่องกระดาษลูกฟูกนั้นมีความทันสมัยมากขึ้น โดยสามารถปรับเปลี่ยนให้ตรงกับความต้องการได้ สามารถพิมพ์ลวดลายตามที่ต้องการบนกล่องกระดาษลูกฟูกได้ โดยการพิมพ์ลายบนกล่องกระดาษลูกฟูกนั้นเพื่อเป็นการให้ข้อมูลหรือจะเพื่อความสวยงามเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้าและยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ของผู้ผลิตได้อีกทางหนึ่งผ่านลวดลายบนกล่องกระดาษลูกฟูก
มาตรฐานขนาดของกระดาษ
มาตรฐานขนาดของกระดาษ
เนื่องจากมีการใช้กระดาษกันอย่างกว้างขวาง จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดมาตรฐานของขนาดกระดาษขึ้นนอกเหนือจากการกำหนดมาตรฐานด้านอื่น ๆ ทั้งนี้เพื่อสะดวกต่อการใช้งานและการสื่อสารกัน ตลอดจนการซื้อขายแลกเปลี่ยนกัน มาตรฐานของขนาดกระดาษ ISO 2016 |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
มาตรฐานรหัสชุด A มาตรฐานขนาดกระดาษชุด A เป็นมาตรฐานในระบบ ISO ซึ่งเป็นระบบเมตริก จะกำหนดรหัส A0 ให้มีขนาดพื้นที่เท่ากับ 1 ตารางเมตร จากการคำนวณจะได้ขนาดของ A0 เท่ากับ 841 x 1189 มิลลิเมตร เมื่อทำการแบ่งครึ่งจากขนาด A0 ดังกล่าว ขนาดใหม่ที่ได้ตั้งเป็นรหัส A1 หากทำการแบ่งไปเรื่อย ๆ ก็จะได้รหัส A2, A3, A4 …. มาตรฐานชุดนี้ เป็นมาตรฐานที่สร้างความคุ้นเคยและถูกนำใช้กันแพร่หลายโดยเฉพาะขนาด A4 ซึ่งมีขนาด 210 x 297 มิลลิเมตร เป็นขนาดของกระดาษถ่ายเอกสารที่ใช้กันมาก กระดาษหัวจดหมาย หนังสือ นิตยสาร ฯลฯ และถ้านำกระดาษขนาด A4 ที่มีน้ำหนักเท่ากับ 80 กรัมต่อตารางเมตร กระดาษมาชั่งจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 5 กรัมพอดี ทำให้ผู้ใช้สะดวกในการหาน้ำหนักของกองกระดาษดังกล่าวโดยใช้วิธีนับจำนวนแผ่น
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
มาตรฐานรหัสชุด B
มาตรฐานรหัสชุด C
ยังมีมาตรฐานหนึ่งที่มีใช้ในประเภทอเมริกา ซึ่งนิยมกำหนดเป็นขนาดมาตรฐานสำหรับกระดาษเขียนแบบของสถาปนิกและวิศวกร นั่นคือมาตรฐานของ ANSI |
มาตรฐานขนาดกระดาษ ANSI
ในปี 1995 สถาบันอเมริกันเนชั่นแนลสแตนดาร์ด (American National Standards Institute) ได้กำหนดมาตรฐานขนาดกระดาษขึ้น โดยให้ขนาดมาตรฐาน 8.5 x 11 นิ้วใช้รหัส ANSI A และขนาด ledger/tabloid ใช้รหัส ANSI B ซึ่งมาตรฐานรหัสชุดนี้ใกล้เคียงกับมตรฐานของระบบ ISO ซึ่งเวลาแบ่งครึ่งจะได้ขนาดที่เท่ากัน 2 ชิ้น แต่จะต่างจากระบบ ISO ตรงที่อัตราส่วนของความสูงกับความกว้างกลายเป็น 2 ชุดสลับไปมา แทนที่จะเป็นชุดเดียวเท่ากันหมด (ให้ดูตารางข้างล่าง)
ขนาด |
อัตราส่วน (สูง/กว้าง) |
ขนาดของ | เทียบเคียงกับระบบ ISO | ||
มิลลิเมตร | นิ้ว | ||||
ANSI A | 216 x 279 | 8.50 x 11.00 | 1.2941 | Letter | A4 |
ANSI B | 432 x 279 | 17.00 x 11.00 | 1.5455 | Ledger | A3 |
279 x 432 | 11.00 x 17.00 | Tabloid | |||
ANSI C | 432 x 559 | 17.00 x 22.00 | 1.2941 | A2 | |
ANSI D | 559 x 864 | 22.00 x 34.00 | 1.5455 | A1 | |
ANSI E | 864 x 1118 | 34.00 x 44.00 | 1.2941 | A0 |
นอกจากมาตรฐานขนาดของกระดาษที่กล่าวมาแล้ว ยังมีมาตรฐานที่จัดทำขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ เช่น มาตรฐาน JIS ของประเทศญี่ปุ่น มาตรฐาน SIS ของประเทศสวีเดน อีกทั้งยังมีชื่อเรียกขนาดมาตรฐานตามการใช้งานต่าง ๆ เช่น ขนาด F4 (Foolscap) ซึ่งมีความกว้างเท่ากับ A4 แต่มีความสูงมากกว่า (210 x 330 mm.) ขนาดนามบัตร ขนาดโปสการ์ด เป็นต้น